คลิกฟังคำพิพากษาสดๆ ได้ "ที่นี่"
ศาลฎีกาฯเสียงข้างมากลงมติ"ทักษิณ"ซุกหุ้น-ผิดแล้ว4ข้อหา
เมื่อ เวลา13.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 9 คน เริ่มอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวย ผิดปกติและได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจำนวน 76,621,603,061.05 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน
หลัง จากอ่านคำร้องของอัยการสูงสุดในฐานะผู้ร้องและคำคัดค้านของ พ.ต.ท.ทักษิณและผู้คัดค้านทั้ง 22 คนแล้ว ศาลฎีกาฯได้เริ่มวินิจฉัยประเด็นในข้อกฎหมายตามประเด็นต่างๆ ดังนี้
1.คดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยเสียงเอกฉันท์
2.คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)และ อนุกรรมการไต่สวนมีอำนาจในการไต่สวนคดีดังกล่าวและกระบวนการไต่สวนเป็นไปโดย ชอบ ขณะที่การแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช .)เป็นไปโดยชอบและมีอำนาจดำเนินการต่อจาก คตส. องค์คณะฯจึงมีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า ผู้ร้อง(อัยการสูงสุด) มีอำนาจในการยื่นคำร้องในคดีนี้
3.องค์คณะฯมีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ว่าคำร้องของผู้ร้องแจ้งชัดและไม่เคลือบคลุม
4.องค์คณะฯเริ่มพิจารณาประเด็นการอำพรางหรือ"ซุกหุ้น"ชินคอร์ปจำนวน 1,419.49 ล้านหุ้นในชื่อลูกๆและเครือญาติและมี มติด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า ผู้ถูกกล่าวหา(พ.ต.ท.ทักษิณ) เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทชินคอร์ปที่แท้จริงในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายก รัฐมนตรี 2 สมัย
5.องค์คณะฯมีมติด้วยเสียงข้างมาก ว่าการออกเป็นพระราชกำหนด แปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นค่าภาษีสรรพสามิต เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ปและบริษัทในเครือ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท
6.องค์คณะมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนในการ แก้ไข สัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (PREPAID CARD)เอื้อประโยชน์ให้ แก่บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส (เอไอเอส )
7.องค์คณะมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนในแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือ ข่ายร่วม (ROAMING) และกรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายรวม เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอไอเอส แต่เนื่องจากมีการขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่เทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 แล้ว ทำให้ผู้ได้รับประโยชน์จาการลดอัตราการใช้เครือข่ายร่วมไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา แต่เป็นกลุ่มเทมาเส็ก
8.องค์คณะฯมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า ละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดย มิชอบหลายกรณี ได้แก่ การอนุมัติโครงการดาวเทียม IP STAR, การอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน ครั้งที่ 5 วันที่ 27 ตุลาคม 2547 ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปฯ ในบริษัท ชินแซทเทิลไลท์ ที่เป็นผู้ขออนุมัติสร้างและส่งดาวเทียมไทยคม และการอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปเช่าช่อสัญญาณต่างประเทศอันเป็นการเอื้อประโยชน์กับบริษัท ชินคอร์ปฯ และบริษัท ชินแซทฯ
ทนายความโอ๊ค-เอม-คุณหญิงพจมานเดินทางถึงศาลฎีกาฯแล้ว
เวลา 12.27 น. ทีม ทนายความของครอบครัวชินวัตร ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา นำโดยนายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความของนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร และนายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร โดยทั้งหมดให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาได้ต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว โดยวันนี้คุณหญิงพจมานและลูกๆ จะไม่เดินทางมาที่ศาลฎีกาแต่จะอยู่รับฟังคำพิพากษาที่บ้านพักแทน
"ที่ ผ่านมาได้ต่อสู้ในกระบวนการของชั้นศาลอย่างเต็มที่ แต่คำพิพากษาจะออกมาอย่างไรต้องรอฟังจากศาล ส่วนในอนาคตจะมีการอุทธรณ์ใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น จะต้องรอดูรายละเอียดของคำพิพากษาก่อน"ทีมทนาย พ.ต.ท.ทักษิณระบุ
ปชช.ทยอยมาฟังคำตัดสินคดียึดทรัพย์ ตัดสัญญาณมือถือเป็นระยะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลฎีกาฯ ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมาฟังการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยสถานการณ์ทั่วไปในศาลฎีกายังเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่พบกลุ่มการ เมืองมาเคลื่อนไหวใดๆ อย่างไรก็ตาม มีการตัดสัญญาณมือถือรอบบริเวณศาลฎีกาเป็นระยะๆ และอาจมีการตัดสัญญาณตลอดช่วงอ่านคำพิพากษา
ศาลฎีกาอนุญาตสื่อเพียง 100 คนให้อยู่ในบริเวณศาลได้
ผู้ สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลฎีกา เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่า ทางศาลอนุญาตให้สื่อมวลชนเพียง 100 คน ให้อยู่ในบริเวณศาลได้ ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนหนึ่งก็เข้าไปฟังการตัดสินคดียึดทรัพย์ ซึ่งอาจสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าฟัง
ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น